การล้างพิษถ้าจะให้ได้ผลดี ควรปฏิบัติอย่างเคร่งครัดสูตร น้ำผัก-ผลไม้มีประโยชน์ ในการล้างสารพิษและทำได้ง่ายๆ ด้วยตัวคุณเอง เพียงแต่ปฏิบัติอย่างจริงจัง ก็จะเป็นผลดีต่อสุขภาพความงามที่แท้จริงนั้นคือความงามตามธรรมชาติ แต่ธรรมชาติก็ไม่ได้มอบผิวเรียบงามมาให้กับผู้หญิงทุกคน ดังนั้นเครื่องสำอางจึงเป็นเครื่องประทินโฉมชิ้นสำคัญของผู้หญิง
30.9.51
ลูกแพร์ (Pear)
ลูกแพร์ (Pear) ลูกแพร์เป็นหนึ่งในอาหารไม่กี่อย่างที่ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ ลูกแพร์มีสรรพคุรเป็นยาระบายอ่อนๆ ช่วยขับปัสสาวะ ช่วยทำความสะอาดไต มีวิตามินวี กรดโฟลิก ไนอาซิน แคลเซียมโพแทสเซียม และ แมกนีเซียม ช่วยทำความสะอาดไส้ตรง ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่จะดีอย่างยิ่งหากกินในช่วงแรกของการล้างพิษ ลุกแพร์ยังมรแร่ธาตุที่มีคุณสมบัติเป็นด่าง ซึ่งเป็นคุณสมบัติพื้นฐานที่เหมาะที่จำนำมากินในช่วงล้างพิษ ช่วยลดคอเลสเตอรอล ช่วยชะล้างของเสียที่สะสม อยู่ในไตก่อนที่ของเสียเหล่านั้นจะตกผลึกกลายเป็นก้อนนิ่ว หากกินทั้งผลจะได้รับเส้นใยอาหารและกรดไฮดรอกซีซินนามิก ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอสระที่ช่วยยับยั้งสารก้อมะเร็ง นอกจากนี้ลูกแพร์ยังอุดมไอด้วยสารด้านอนุมูลอิสระและเส้นใยเพ็กตินที่ช่วยขับโลหะหนักออกจากร่างกายได้อย่างดีอีกด้วย เมื่อจะนำไปใช้ให้ล้างน้ำให้สะอาด หั่นพอหยาบ นำไปสกัดได้เลยทันที
29.9.51
สตรอว์เบอร์รี (Strawberry)
สตรอว์เบอร์รี (Strawberry) มีสรรพคุณช่วยแก้กระหาย รักษาอาการเมาค้าง สตรอว์เบอร์รีมีแคลเซียม คลอรีน โซเดียมกำมะถัน แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม วิตามินซี กรดโฟลิก และไบโดติน ดีต่อระบบขับถ่ายบำรุงพิวพรรณ ช่วยล้างพิษ ทำให้ร่างกายสะอาด แก้ไอ ขับปัสสาวะ ช่วยย่อยอาหาร บรรเทาอาการจุกเสียด แน่นท้อง และดีต่อเลือด เมื่อจะนำไปใช้ให้ล้างให้สะอาด หั้นพอหยาบ นำไปสกัดได้เลนทันที
27.9.51
พีช (Peach)
พีช (Peach) พีชหรือลูกท้อช่วยทำความสะอาดลำไส้เล้กและลำไส้ใหญ่ มีวิตามินซี กรดโฟลิก เบตาแคโรทีน แคลเซียม ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม และโพแทสเซียม สารอาหารเหล่านี้มักรวมรวมตัวอยู่ที่เปลือก ดังนั้นหากนำมาทำเครื่องให้ล้างน้ำให้สะอาด คว้านเอาเมล็ดออก นำส่วนเนื้อไปสกัดโดยหั่นพอยาบ
26.9.51
บลูเบอร์รี ( Blueberry )
บลูเบอร์รี ( Blueberry )
มีสีม่วงเข้มและมีรสชาติหวานหอม อุดมไปด้วยแคลเซียม วิตามีน บี1 บี2 และบี6แมกนีเซียม โครเมียม วิตามินซี กรดไบโอทิน ( Biotin Acid ) กรดโฟลิก ( Folic Acid )และกรดไฟโตเคมิคอลลาจิก ( Phytochemical Ellagic Acid ) ซึ่งมีคุณสมบัติในการป้องกันการริ้วรอยแห่งวัยนอกจากนั้นบลูเบอร์รียังมีสรรพคุณในการช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ ลดอาการน้ำตาลในเลือดต่ำ และช่วยทำลายพิษจากอนุมูลอิสระ เมื่จะนำมาสกัดให้ล้างน้ำให้สะอาด นำไปสกัดได้เลยทันที
24.9.51
สูตรล้างสารพิษ ต้านมะเร็ง ขับลม
สูตรล้างสารพิษ ต้านมะเร็ง ขับลม
ส่วนผสม
บลูเบอร์รี 2 ถ้วย
เกรปฟรุต 1 ถ้วย
แอปเปิล 1 ถ้วย
ขิง 1 ถ้วย
น้ำแข็งป่น 1 ถ้วย
รายระเอียด ล้างแอปเปิลให้สะอาดมาหั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าไม่ต้องเอาแกนหรือเมล็ดออก ปอกเปลือกขิงแล้วทุบพอแตก หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ หั่นเกรปฟรุตพอหยาบนำบลูเบอร์รีกับส่นผสมที่เตรียมไว้ทั้งหมดมาสกัดรวมกันด้วยเครื่องสกัดน้ำผัก-ผลไม้เทใส่แก้ว เสิร์ฟพร้อมน้ำแข็งป่น ดื่มได้ทันที
ส่วนผสม
บลูเบอร์รี 2 ถ้วย
เกรปฟรุต 1 ถ้วย
แอปเปิล 1 ถ้วย
ขิง 1 ถ้วย
น้ำแข็งป่น 1 ถ้วย
รายระเอียด ล้างแอปเปิลให้สะอาดมาหั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าไม่ต้องเอาแกนหรือเมล็ดออก ปอกเปลือกขิงแล้วทุบพอแตก หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ หั่นเกรปฟรุตพอหยาบนำบลูเบอร์รีกับส่นผสมที่เตรียมไว้ทั้งหมดมาสกัดรวมกันด้วยเครื่องสกัดน้ำผัก-ผลไม้เทใส่แก้ว เสิร์ฟพร้อมน้ำแข็งป่น ดื่มได้ทันที
23.9.51
ประโยชน์ดีๆ ที่มีในลูกเดือย
ประโยชน์ดีๆ ที่มีในลูกเดือยสารอาหารที่มีในลูกเดือยมีแต่ของเด็ดๆ ทั้งนั้น ไล่ไปตั้งแต่วิตามินเอ-วิตามินเอ โพแทสเซียม โปรตินคุณภาพสูงเทียบเท่าโปรตินที่ได้จากข้าวโอ๊ดไขมัน คาร์โบไฮเดรต ฟอสฟอลัส แคลเซี่ยม ใยอาหาร- สารโคเซ็นโนไลด์ (coxenolid) ในลูกเดือยสามารถแผลงฤทธิ์ยับยั้งการเจริญของเนื้องอกได้ ก่อนที่จะลุกลามกลายเป็นเซลล์มะเร็ง-น้ำที่ได้จากลูกเดือยต้ม มีสรรพคุณทำให้เลือดลมหมุนเวียนดีทำให้ผิวสวยผมดกและเป็นเงางาม-ตำรายาจีนลูกเดือยเป็นยาชนิดหนึ่ง สามารถรักษาอาการร้อนใน บำรุงไตบำรุงม้าม ปอด กระเพาะอาหาร ขับปัสสาวะ บำรุงเลือดในสตรีหลังคลอดแก้โรคเหน็บชา อาการคลื่นใส้อาเจียน ท้องเสีย ทำให้เจริญอาหาร-น้ำลูกเดือยอุดมไปด้วยฟอสฟอรัสช่วยบำรุงกระดูก มีวิตามินเอช่วยบำรุงสายตานอกจากนี้ลูกเดือยยังสามารถลดน้ำตาลในเลือด รักษาโรคเบาหวานได้ด้วย
22.9.51
ราสป์เบอร์รี (Raspberry)
ราสป์เบอร์รี (Raspberry) เป็นผลไม้ที่อยู่ในกลุ่มเบอร์รี อุดมไปด้วยเบตาแคโรทีน ไบโอติน (Biotin) วิตามินซี และน้ำตาลฟรักโทส (Fructose) มีฟลาโวนอยด์และแอนโทไชยานิน ซึ่งเป็นสารด้านอนุมูลอิสระที่ดีเยี่ยมอยู่เป็นจำนวนมาก เมื่อจะนำไปใช้ให้ล้างน้ำให้สะอาด นำไปสกัดได้เลยทันที
21.9.51
ผักโขม ( Spinach )
ผักโขม ( Spinach )ผักโขมดีต่อตับเลือดและถุงน้ำดี อุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และคลอโรฟีลล์ ( Chlorophyll )มีเบต้าแคโรทีน วิตามินบี6 วิตามีนซี กรดโฟลิก แคลเซียม เหล็ก ฟอสฟอรัส โพแทสเซียมและโซเดียม เนื่องจากผักโขมมีกลิ่นและรสชาติที่เข้มข้นจนทำให้ดื่มยากสำหรับบางคน ให้แก้ไขด้วยการเจือจางด้วยน้ำเปล่า น้ำแตงกวา หรือน้ำแครอท จะทำให้ดื่มได้ง่ายมากขึ้น แม้ว่าผักโขมดีต่อการล้างพิษ แต่เนื่องจากกรดออ๊กซาลิก ( Oxalic ) ที่มีอยู่ในผักโขมจะขัดขวางการดูดซึมแคลเซียมดังนั้นจึงไม่ควรดื่มน้ำผัก ผลไม้ ที่มีส่วนผลมหลักเป็นผักโขมมากกว่า 1 แก้วต่อสัปดาห์ เมื่จะนำมาใช้ให้ล้างผักโขมด้วยน้ำสะอาดให้เรียบร้อย หั่นพอหยาบ นำไปสกัดได้เลยทันที
20.9.51
For Face
ช่วงหน้าฝนแบบนี้ ถ้าสาวๆไม่พยามรักษาผิวหน้าให้ดีเป็นพิเศษ ก็จะเสี่ยงมากๆที่เชื้อโรคจะมาหมักหมมจนเกิดการอุดตันเกิดสิวเสี้ยน จนลุกลามใหญ่โต เบ็นสิวอักเสบได้ ดังนั้นขอแนะนำขั้นตอนการรักษาความสะอาดผิวหน้าดังนี้
1. -Cleaning ใช้ Cleanser ที่มีคุณสมบัติต่อต้านแบคทีเรีย -สาวผิวมันควรเลือกใช้ Cleanserอ่อนๆ -ใช้กระเป๋าน้ำเย็นประคบผิวหน้าเพื่อลดขนาดรูขุมขน ฝุ่นละอองและเชื้อโรคต่างๆ จะได้หาทางเข้าไปอุดตันยากขึ้น
2.Toning ในตอนกล่งคืน หลังจากล้างหน้า ชำระล้างเครื่องสำอางค์ ออกหมดแล้วอย่าลืมใช้ Toner เช็ดทำความสะอาดผิว ก่อนทา night cream ด้วยเพื่อให้ชัวร์ว่าผิวหน้าสะอาด ปราศจากเชื้อโรคจริงๆ 3.Moisturizing ครีมบำรุงผิวที่ใช้ในช่วงเช้า ควนเป็นประเภท non-water basedทั้งนี้เพื่อให้ครีมติดทนนานขึ้นต่อให้เจอน้ำฝนหรือความชื้นก็ไม่หลุดออกไปง่ายๆ4.Exfoliating ขัดผิวหน้าบ้าง อย่างสาวผิวมันก็ขอสักอาทิตย์ละ 2 ครั้ง ส่วนสาวผิวธรรมดาถึงผิวแห้งครั้งเดียวต่อสัปดาห์ก็ได้ จะได้กำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไป ไม่ให้กลายเป็นที่หมักหมมของเชื้อโรค
แหล่งที่มานิตยสาร SPICY
1. -Cleaning ใช้ Cleanser ที่มีคุณสมบัติต่อต้านแบคทีเรีย -สาวผิวมันควรเลือกใช้ Cleanserอ่อนๆ -ใช้กระเป๋าน้ำเย็นประคบผิวหน้าเพื่อลดขนาดรูขุมขน ฝุ่นละอองและเชื้อโรคต่างๆ จะได้หาทางเข้าไปอุดตันยากขึ้น
2.Toning ในตอนกล่งคืน หลังจากล้างหน้า ชำระล้างเครื่องสำอางค์ ออกหมดแล้วอย่าลืมใช้ Toner เช็ดทำความสะอาดผิว ก่อนทา night cream ด้วยเพื่อให้ชัวร์ว่าผิวหน้าสะอาด ปราศจากเชื้อโรคจริงๆ 3.Moisturizing ครีมบำรุงผิวที่ใช้ในช่วงเช้า ควนเป็นประเภท non-water basedทั้งนี้เพื่อให้ครีมติดทนนานขึ้นต่อให้เจอน้ำฝนหรือความชื้นก็ไม่หลุดออกไปง่ายๆ4.Exfoliating ขัดผิวหน้าบ้าง อย่างสาวผิวมันก็ขอสักอาทิตย์ละ 2 ครั้ง ส่วนสาวผิวธรรมดาถึงผิวแห้งครั้งเดียวต่อสัปดาห์ก็ได้ จะได้กำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไป ไม่ให้กลายเป็นที่หมักหมมของเชื้อโรค
แหล่งที่มานิตยสาร SPICY
19.9.51
สูตรล้างสารพิษ ต้านมะเร็ง ขับลม
สูตรล้างสารพิษ ต้านมะเร็ง ขับลม
ส่วนผสม
บลูเบอร์รี 2 ถ้วย
เกรปฟรุต 1 ถ้วย
แอปเปิล 1 ถ้วย
ขิง 1 ถ้วย
น้ำแข็งป่น 1 ถ้วย
รายระเอียด
ล้างแอปเปิลให้สะอาดมาหั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าไม่ต้องเอาแกนหรือเมล็ดออก ปอกเปลือกขิงแล้วทุบพอแตก หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ หั่นเกรปฟรุตพอหยาบนำบลูเบอร์รีกับส่นผสมที่เตรียมไว้ทั้งหมดมาสกัดรวมกันด้วยเครื่องสกัดน้ำผัก-ผลไม้เทใส่แก้ว เสิร์ฟพร้อมน้ำแข็งป่น ดื่มได้ทันที
18.9.51
เทรนด์บิวตี้สุดฮอต
เทรนด์บิวตี้สุดฮอต
1.ดวงตาร้อนแรง แต่งตาแบบที่ดูแล้วแม่สาวคนนี้เธออันตรายไม่ใช่เล่นด้วยการเบลนด์ครีมอายไลเนอร์สีดำหรืออายแชโดว์สีดำรอบๆดวงตา
2.อายแชโดว์สีชมพู สำหรับสาวๆทุกคนควรมีอายแชโดว์ตลับโทนสีชมพูติดโต๊ะเครื่องแป้งเอาไว้เลยเทรนด์นี้เหมาะกับสาวทุกสีผิว เพียงแต่เราเลือกเฉดสีชมพูที่เหมาะกับสีผิวของเรา
3.พื้นฐานผิว เตรียมผิวก่อนที่จะลงฟาวเดชั่นด้วยไพรเมอร์หรือมอยส์เจอร์ไรเซอร์ แต่ต้องแน่ใจว่ามันจะไม่ทำให้ผิวเหนียวเหนอะ
4.ผิวแวววาว สำหรับสภาพอากาศแบบนี้ควรเลือกลิควิดฟาวเดชั่นที่บางเบาไม่ให้ผิวดูแห้งผากแต่ดูชุ่มชื้นแนเชอรัล ฟินิช ลองลาสติ้ง ฟาวเดชั่น SPF15
5.เพอร์เฟ็คท์ ปกปิดความไม่เพอร์เฟ็คบนใบหน้าด้วยเพอร์เฟ็ค อะเกน สีperfect nude
6.พาวเดอร์ เสร็จขั้นตอนด้วยการปัดแป้งฝุ๋นลงไป และควรเลือกแป้งฝุ่นที่เป็นชนิดโปร่งแสง เพื่อจะได้เหมาะกับทุกสีผิว
7.เปล่งปลั่งแบบเบาๆ บลัชครีมสีพีชเป็นสิ่งที่ควรปราถนาสำหรับสาวๆ ในซีซั่นนี้ และเพื่อหลีกเลี่ยงลุคที่ดูจ้าจัดเกินไปแต่ดูสวยเป็นธรรมชาติ เหล่านางแบบจะใช้พวกทินท์ ชีคสเตน หรือครีมลบัชเกลี่ยทับลงไปบนรองพื้นเนื้อเบาเพื่อให้ดูระเรื่อเป็นธรรมชาติ
8.แดงเฉดใหม่ เบอร์รี่ ความร้อนแรงของสีแดงแบบริมฝีปากของมาริลีน มอนโรว์ก็ยังคงคลาสสิกอยู่ แต่สีแดงแบบเบอร์รี่คือ ดูเป็นเฉดสีแดงเข้มกำลังหน้าสนใจทีเดียว เป็นเทรนด์ที่ทำให้ผู้หญิงดูสวยลึกลับน่าค้นหา9.ขนตาปลอม เรียกได้ว่าเป็นเครื่องประดับแฟชั่นที่เราชอบมากมีลูกเล่นและใช้เปลี่ยนถาพลักษณ์
10.เปลื่อกตาเมทัลลิค เปลือกตาเมทัลลิคจะฮอตมากสำหรับฤดูกาลนี้ บราวน์ ผู้แนะนำการแต่งดวงตาแบบสีตรงข้ามบอกว่า ดวงตาสีน้ำตาลจะดูสวยเมื่ทาเปลือกตาดว้ยสีเงินอมเทา
11.กลอสสีชมพู ลิปกลอสสีโปรดสมัยเป็นสาววัยใสกลับมาแล้ว ริมฝีปากอิ่มเอิบแวววาวสีชมพูกลอสซี่เหมาะกับสาวๆทุกคน
12.ตาสดใส ถ้าหน้าโทรมๆ เราสามารถเฟคให้ดูแววตาสดใสได้ด้วยการเติมอายไลเนอร์ที่ขอบตาด้านในบริเวณตาลอง เพียว คัลเลอร์ เพิร์ล ซัมเมอร์แชโดว์ สี white peart แตะนิดๆที่หัวตาจะดูตาสว่างเด่นขึ้นมาเลย
13.โหนกแก้มนางแบบ โหนกแก้มเด่นเด้งดูมีมิติรับกับใบหน้าของนางแบบเราก็ทำได้เหมือนกันด้วยการปัดบลัชอย่างฉลาด ถ้าอยากมีโหนกแก้มเด่นๆ ก็ให้เบลนด์บรอนเชอร์ให้อยู่ส่วนล่าง ของโหนกแก้มแล้วปัดสีป๊อบๆ ถูกใจลงบนพวงแก้ม
1.ดวงตาร้อนแรง แต่งตาแบบที่ดูแล้วแม่สาวคนนี้เธออันตรายไม่ใช่เล่นด้วยการเบลนด์ครีมอายไลเนอร์สีดำหรืออายแชโดว์สีดำรอบๆดวงตา
2.อายแชโดว์สีชมพู สำหรับสาวๆทุกคนควรมีอายแชโดว์ตลับโทนสีชมพูติดโต๊ะเครื่องแป้งเอาไว้เลยเทรนด์นี้เหมาะกับสาวทุกสีผิว เพียงแต่เราเลือกเฉดสีชมพูที่เหมาะกับสีผิวของเรา
3.พื้นฐานผิว เตรียมผิวก่อนที่จะลงฟาวเดชั่นด้วยไพรเมอร์หรือมอยส์เจอร์ไรเซอร์ แต่ต้องแน่ใจว่ามันจะไม่ทำให้ผิวเหนียวเหนอะ
4.ผิวแวววาว สำหรับสภาพอากาศแบบนี้ควรเลือกลิควิดฟาวเดชั่นที่บางเบาไม่ให้ผิวดูแห้งผากแต่ดูชุ่มชื้นแนเชอรัล ฟินิช ลองลาสติ้ง ฟาวเดชั่น SPF15
5.เพอร์เฟ็คท์ ปกปิดความไม่เพอร์เฟ็คบนใบหน้าด้วยเพอร์เฟ็ค อะเกน สีperfect nude
6.พาวเดอร์ เสร็จขั้นตอนด้วยการปัดแป้งฝุ๋นลงไป และควรเลือกแป้งฝุ่นที่เป็นชนิดโปร่งแสง เพื่อจะได้เหมาะกับทุกสีผิว
7.เปล่งปลั่งแบบเบาๆ บลัชครีมสีพีชเป็นสิ่งที่ควรปราถนาสำหรับสาวๆ ในซีซั่นนี้ และเพื่อหลีกเลี่ยงลุคที่ดูจ้าจัดเกินไปแต่ดูสวยเป็นธรรมชาติ เหล่านางแบบจะใช้พวกทินท์ ชีคสเตน หรือครีมลบัชเกลี่ยทับลงไปบนรองพื้นเนื้อเบาเพื่อให้ดูระเรื่อเป็นธรรมชาติ
8.แดงเฉดใหม่ เบอร์รี่ ความร้อนแรงของสีแดงแบบริมฝีปากของมาริลีน มอนโรว์ก็ยังคงคลาสสิกอยู่ แต่สีแดงแบบเบอร์รี่คือ ดูเป็นเฉดสีแดงเข้มกำลังหน้าสนใจทีเดียว เป็นเทรนด์ที่ทำให้ผู้หญิงดูสวยลึกลับน่าค้นหา9.ขนตาปลอม เรียกได้ว่าเป็นเครื่องประดับแฟชั่นที่เราชอบมากมีลูกเล่นและใช้เปลี่ยนถาพลักษณ์
10.เปลื่อกตาเมทัลลิค เปลือกตาเมทัลลิคจะฮอตมากสำหรับฤดูกาลนี้ บราวน์ ผู้แนะนำการแต่งดวงตาแบบสีตรงข้ามบอกว่า ดวงตาสีน้ำตาลจะดูสวยเมื่ทาเปลือกตาดว้ยสีเงินอมเทา
11.กลอสสีชมพู ลิปกลอสสีโปรดสมัยเป็นสาววัยใสกลับมาแล้ว ริมฝีปากอิ่มเอิบแวววาวสีชมพูกลอสซี่เหมาะกับสาวๆทุกคน
12.ตาสดใส ถ้าหน้าโทรมๆ เราสามารถเฟคให้ดูแววตาสดใสได้ด้วยการเติมอายไลเนอร์ที่ขอบตาด้านในบริเวณตาลอง เพียว คัลเลอร์ เพิร์ล ซัมเมอร์แชโดว์ สี white peart แตะนิดๆที่หัวตาจะดูตาสว่างเด่นขึ้นมาเลย
13.โหนกแก้มนางแบบ โหนกแก้มเด่นเด้งดูมีมิติรับกับใบหน้าของนางแบบเราก็ทำได้เหมือนกันด้วยการปัดบลัชอย่างฉลาด ถ้าอยากมีโหนกแก้มเด่นๆ ก็ให้เบลนด์บรอนเชอร์ให้อยู่ส่วนล่าง ของโหนกแก้มแล้วปัดสีป๊อบๆ ถูกใจลงบนพวงแก้ม
17.9.51
วีตกราส ( Wheat grass )
วีตกราส ( Wheat grass )วีตกราสหรือต้นอ่อนข้าวสาลีช่วยฟอกโลหิต ชะล้างสารพิษที่ตกค้าง ทำให้ร่างกายสะอาดและเพิ่มกำลังวังชา วีตกราสอุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีน วิตามินซี วิตามินอี วิตามินบีรวมแคลเซียม แมกนีเซียม เหล็ก นอกจากนี้ยังมีเอนไซม์ที่ช่วยในการย่อยอาหารอีกด้วย น้ำวีตกราสคั้นสดมีคลอโรฟีลล์ที่มีคุณสมบัติในการทำความสะอาดเลือด และทำให้เซลล์เม็ดเลือดแข็งแรง ช่วยปรับเลือดและเนื้อเยื่อให้มีความเป็นด่าง นอกจากนั้นยังอุดมไปด้วยกรดอะมิโนที่สำคัญ วิตามิน และแร่ธาตุที่จำเป็นสำหรับการสร้างเซลล์ร่างกายใหม่ๆ นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยเอนไซม์ที่สดใหม่อีกด้วย เมื่อจะนำมาใช้ให้ล้างใบวีตกราสให้สะอาด หั่นพอหยาบ นำไปสกัดได้เลยทันที
16.9.51
แพชชันฟรุต (Passion Fruit)
แพชชันฟรุต (Passion Fruit) แพชชันฟรุตหรือเสาวรสอุดมไปด้วยเบตาแคโรทีน วิตามินซี แคลเซียม แมกนีเซียม โพแทสเซียมและวิตามินบี3 เมื่อนำมาทำเครื่องดื่มให้เลือกส่วนที่เป็นเนื้อและไส้มาสกัดเอาน้ำ โดยใช้ช้อนคว้านออกมา
15.9.51
บีตรูต (Beetroot)
บีตรูต (Beetroot)
บีตรูดมีสรรพคุณในการทำความสะอาดตับและลำไส้ตอนล่าง ดีต่อตับและไต ช่วยกระตุ้นและบำรุงลำไส้ ช่วยขับสารพิษ ช่วยฟอกเลือดและฟอกไต ดีต่อระบบย่อยอาหาร ช่วยบำรุงรักษาเซลล์เม็ดเลือดแดง อุดมไปด้วยวิตามินบี1 บี2 และบี6 กรดโฟลิก แคลเซียม แมกนีเซียมฟอสฟอรัส โพแทสเซียม โซเดียม และ สังกะสี บีตรูดช่วยเสริมความสามารถในการรับออกซิเจนให้แก่เม็ดเลือดแดง ช่วยเพิ่มออกซิเจนให้แก่เซลล์ถึง 400 เปอร์เซนต์ ช่วยทำให้ประจำเดือนมาเป็นปรกติ นอกจากนั้น เนื่องจากมีบีเทนบีตรูดจึงมีสรรพคุณในการช่วยสันดาปไขมันโดนเปลี่ยนคอเลสตรอรอลให้กลายเป็นกรดน้ำอีกด้วยเมื่อต้องนำไปใช้ให้ล้างน้ำให้สะอาด สับพอหยาบ นำไปสกัดได้เลยทันที
บีตรูดมีสรรพคุณในการทำความสะอาดตับและลำไส้ตอนล่าง ดีต่อตับและไต ช่วยกระตุ้นและบำรุงลำไส้ ช่วยขับสารพิษ ช่วยฟอกเลือดและฟอกไต ดีต่อระบบย่อยอาหาร ช่วยบำรุงรักษาเซลล์เม็ดเลือดแดง อุดมไปด้วยวิตามินบี1 บี2 และบี6 กรดโฟลิก แคลเซียม แมกนีเซียมฟอสฟอรัส โพแทสเซียม โซเดียม และ สังกะสี บีตรูดช่วยเสริมความสามารถในการรับออกซิเจนให้แก่เม็ดเลือดแดง ช่วยเพิ่มออกซิเจนให้แก่เซลล์ถึง 400 เปอร์เซนต์ ช่วยทำให้ประจำเดือนมาเป็นปรกติ นอกจากนั้น เนื่องจากมีบีเทนบีตรูดจึงมีสรรพคุณในการช่วยสันดาปไขมันโดนเปลี่ยนคอเลสตรอรอลให้กลายเป็นกรดน้ำอีกด้วยเมื่อต้องนำไปใช้ให้ล้างน้ำให้สะอาด สับพอหยาบ นำไปสกัดได้เลยทันที
14.9.51
เลือกรับประทาน
เลือกรับประทาน
ฝรั่งสด น้ำฝรั่ง มะละกอ ส้ม ลูกเกดสีดำอบแห้ง ฯลฯซึ่งมากไปด้วยวิตามินซี ที่จะช่วยเก็บรักษาคอลลาเจนที่เป็นบ่อเกิดแห่งโปรตีนภายไต้ผิวหนัง เมื่อผิวหนังเต่งตึงไม่หย่อนยานแล้วความงามแห่งวัยเยาว์ก็จะอยู่กับคุณไปอีกนาน บำรุงผมให้แข็งแรงด้วยการรับประทานกล้วย ซึ่งอุดมไปด้วยวิตามินบีมีสรรพคุณป้องกันผมร่วงได้ดีแบบไม่ต้องพึ่งสารเคมี อย่ากผิวเนียนใสเหมือนเด็กไปนานๆ ลองรับประทาน มะม่วง ซึ่งเบต้าแคโรทีนในมะม่วงจะช่วยทำให้ผิวมีสุขภาพดี โดยช่วยกระตุ้นการสร้างผิวหนังใหม่เพื่อทดแทนผิวที่หยาบกร้าน ให้กลับมาชุ่มชื่นอีกครั้ง
13.9.51
วอเตอร์เครส ( Watercress )
วอเตอร์เครส ( Watercress )อุดมไปด้วยวิตามินซี คลอโรฟีลล์ เหล็ก กำมะถัน เบต้าแคโรทีน ไบโอติน แคลเซียมโพแทสเซียม ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม และไฟโตเคมืคอล ไอโซไทโอไซยาเนต ที่ช่วยทำลายสาร ก่อมะเร็ง มีประโยชน์ต่อลำไส้ใหณ่และทางเดินอาหาร ช่วยล้างสารพิษออกจากตับและไต ช่วยฟอกโลหิต ชะล้างของเสียออกจากร่างกาย เสริมสร้างจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ในลำไส้ และช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติ เนื่องจากน้ำวอเตอร์เครสมีความเข้มข้นสูง และมีรสชาติเผ็ดร้อนเหมือนพริกซึ่งเกิดจากน้ำมันเบนซิมัสตาร์ด เพื่อให้ดื่มได้ง่ายยิ่งขึ้น ควรเจือจางด้วยน้ำเปล่าหรือน้ำ ผัก ผลไม้ที่มีความเข้มข้นน้อยกว่า เช่น น้ำแครอท หรือน้ำแตงกวา เมื่อจะนำมาใช้ให้ล้างใบและก้านของวอเตอร์เครสให้สะอาด หั่นพอหยาบ นำไปสกัดได้เลยทันที
12.9.51
oily skin
oily skinแป้งฝุ่นเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับสาวผิวมันเลยล่ะแต่ต้องระวังนิดอย่าโป๊ะให้หนาจนเกินไปนัก เพราะจะทำให้ดูไม่เป็นธรรมชาติและอาจเละเยิ้มเวลาที่โดนกับเหงื่อและความมันบนผิวหน้าได้ ดังนั้นทุกครั้งที่รู้สึกว่าผิวหน้าเริ่มมันให้ซับความมันออกด้วยกระดาษซับมันหรือทิชชู แล้วค่อยทาแป้งฝุ่นทับลงไป
11.9.51
สูตรล้างสารพิษบำรุงผิวลบเลือนริ้วรอย
สูตรบำรุงผิวลบเลือนริ้วรอย
ส่วนผสม
แอพริคอต 2 ถ้วย
ส้ม 2 ถ้วย
น้ำแร่ 1 ถ้วย
น้ำแข็งป่น 1 ถ้ว
รายระเอียด
ล้างแอ็พริคอตให้สะอาด ผ่าครึ่งเอาเมล็ดออก หั่นพอหยาบ ส้มแกะออกเป็นกลีบๆไม่ต้องเอาเมล็ดออก นำส่วนผสมทั้งสองไปสกัดรวมกันด้วยเครื่องสกัดน้ำผัก-ผลไม้ เมื่อได้น้ำผลไม้สกัดแล้ว ให้เจือจางด้วยการเติมน้ำแร่ลงไปเล็กน้อย เติมน้ำแข็งป่นดื่มได้ทันที
10.9.51
สูตรล้างพิษลดเครียด
สูตร ลดเครียด
ส่วนผสม
บลูเบอร์รี 1 ถ้วย
แอปเปิล 2 ถ้วย
น้ำแร่ 1 ถ้วย
น้ำแข็งป่น 1 ถ้วย
รายระเอียด ล้างแอปเปิลให้สะอาดมาหั่นเป็นชิ้นขนาดกลางไม่ต้องเอาแกนหรือเมล็ดออก นำไปสกัดพร้อมกับบลูเบอร์รีด้วยเครื่องสกัดน้ำผัก-ผลเติมน้ำแร่ลงไปในน้ำผลไม้ที่ได้คนให้เข้ากัน ดื่มได้ทันที หรือ เสิร์ฟพร้อมน้ำแข็งป่น เพื่อเพิ่มความชุ่มชื่น
สูตรบำรุงผิวลบเลือนริ้วรอย
สูตรบำรุงผิวลบเลือนริ้วรอย
ส่วนผสม
แอพริคอต 2 ถ้วย
แอปเปิล 1 ถ้วย
พีช 1 ถ้วย
น้ำแข็งป่น 1 ถ้วย
รายระเอียด นำแอปเปิลมาหั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า ล้างแอ็พริคอตให้สะอาดผ่าครึ่งเอาเมล็ดออก หั่นพอหยาบ ล้างลูกพีชให้สะอาดผ่าครึ่งเอาเมล็ดออก หั่นพอหยาบ นำส่วนผสมทั้งหมดไปสกัดรวมกันด้วยเครื่องสกัดน้ำผัก-ผลไม้ เสิร์ฟพร้อมน้ำแข็งป่นดื่มได้ทันที
ส่วนผสม
แอพริคอต 2 ถ้วย
แอปเปิล 1 ถ้วย
พีช 1 ถ้วย
น้ำแข็งป่น 1 ถ้วย
รายระเอียด นำแอปเปิลมาหั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า ล้างแอ็พริคอตให้สะอาดผ่าครึ่งเอาเมล็ดออก หั่นพอหยาบ ล้างลูกพีชให้สะอาดผ่าครึ่งเอาเมล็ดออก หั่นพอหยาบ นำส่วนผสมทั้งหมดไปสกัดรวมกันด้วยเครื่องสกัดน้ำผัก-ผลไม้ เสิร์ฟพร้อมน้ำแข็งป่นดื่มได้ทันที
9.9.51
ลุคส์ใสๆ
อยากเป็นเจ้าของลุคส์ใสๆ สมวัยสาวไม่ใช่เรื่องยาก แค่ทำตาม10 ขั้นตอนที่ว่านี้ สาวๆก็สามารถโชว์ความไบรท์ให้ใครไอิจฉากันได้แล้ว
Step 1 ล้างหน้าให้สะอาดหมดจด
Step 2 บำรุงผิวให้เนียนนุ่มชุ่มชื้นด้วยมอยช์เจอไรเซอร์ที่มีส่วนผสมของสารกันแดด
Step 3 ปกปิดริ้วรอยและความหมองคล้ำรอบดวงตา(ถ้ามี) โดยแต้มด้วย คอนซีลเลอร์บางๆ
แล้วเกลี่ยให้เนียนเสมอไปกับผิว
Step 4 หากคุณมีผิวหน้าที่เนียนใสอยู่แล้ว สามารถข้ามขั้นตอนการรองพื้นไปได้เลย แต่ถ้ามีรอยสิว
หรือริ้วรอยอะไรที่อยากจะพรางล่ะก็ ให้ลงครีมรองพื้นสีใกล้เคียงกับ สีผิวบางๆ เฉพาะบริเวณที่
อยากจะ ปกปิด จากนั้นเกลี่ยให้กลมกลืนไปกับผิว
Step 5 ทาทับด้วยแป้งฝุ่นให้เนียนทั่วทั้งหน้าและลำคอ
Step 6 ปัดคิ้วให้เรียงเป็นระเบียบโดยใช้แปรงสำหรับปัดคิ้วโดยเฉพาะ
Step 7 แต่งเติมสีสันให้เปลือกตาด้วยอายแชโดว์ บางใสสีอ่อนๆ อย่างสีชมพู สีพีช สีเหลืองออ่น สีขาว
Step 8 ปัดแก้มให้พอดูมีเลือดฝาดด้วยบลัชออนโทนสีชมพูหรือสีพีช หรือจะปัด บางๆ ด้วย
บรอนเซอร์ ก็ได้
Step 9 ดัดขนตาให้งอนเด้งเข้าไว้ แล้วเพิ่มความยางและหนาให้ขนตาด้วยการ ปัดมาสคาร่าทับซัก2 รอบ
Step 10 ปิดท้ายด้วยการทาลิปกลอส หรือทาลิปสติกเนื้อบางๆ ที่ริมฝีปาก พยายาม หลีกเลี่ยงการใช้
ลิปไลเนอร์เขียนขอบปาก เน้นการเป็นธรรมชาตฺเข้าไว้จะเวิร์คสุดๆ
Step 1 ล้างหน้าให้สะอาดหมดจด
Step 2 บำรุงผิวให้เนียนนุ่มชุ่มชื้นด้วยมอยช์เจอไรเซอร์ที่มีส่วนผสมของสารกันแดด
Step 3 ปกปิดริ้วรอยและความหมองคล้ำรอบดวงตา(ถ้ามี) โดยแต้มด้วย คอนซีลเลอร์บางๆ
แล้วเกลี่ยให้เนียนเสมอไปกับผิว
Step 4 หากคุณมีผิวหน้าที่เนียนใสอยู่แล้ว สามารถข้ามขั้นตอนการรองพื้นไปได้เลย แต่ถ้ามีรอยสิว
หรือริ้วรอยอะไรที่อยากจะพรางล่ะก็ ให้ลงครีมรองพื้นสีใกล้เคียงกับ สีผิวบางๆ เฉพาะบริเวณที่
อยากจะ ปกปิด จากนั้นเกลี่ยให้กลมกลืนไปกับผิว
Step 5 ทาทับด้วยแป้งฝุ่นให้เนียนทั่วทั้งหน้าและลำคอ
Step 6 ปัดคิ้วให้เรียงเป็นระเบียบโดยใช้แปรงสำหรับปัดคิ้วโดยเฉพาะ
Step 7 แต่งเติมสีสันให้เปลือกตาด้วยอายแชโดว์ บางใสสีอ่อนๆ อย่างสีชมพู สีพีช สีเหลืองออ่น สีขาว
Step 8 ปัดแก้มให้พอดูมีเลือดฝาดด้วยบลัชออนโทนสีชมพูหรือสีพีช หรือจะปัด บางๆ ด้วย
บรอนเซอร์ ก็ได้
Step 9 ดัดขนตาให้งอนเด้งเข้าไว้ แล้วเพิ่มความยางและหนาให้ขนตาด้วยการ ปัดมาสคาร่าทับซัก2 รอบ
Step 10 ปิดท้ายด้วยการทาลิปกลอส หรือทาลิปสติกเนื้อบางๆ ที่ริมฝีปาก พยายาม หลีกเลี่ยงการใช้
ลิปไลเนอร์เขียนขอบปาก เน้นการเป็นธรรมชาตฺเข้าไว้จะเวิร์คสุดๆ
8.9.51
ความงามกำหนด
กรรมพันธุ์ทางความงามกำหนดไว้ว่า สาวเอเชียส่วนใหญ่มักมีตาชั้นเดียวดังนั้นสาวๆ ทั้งหลายจึงควรหันมาพึ่งพาบริการของอายไลเนอร์กันบ้างเน้นให้ดวงตาโตเหมือนตากวางน้อย นอกจากนี้อายไลเนอร์ ยังเป็นดัชนีบ่งชี้ความเป็น"โปร "ในการแต่งหน้าอีกต่างหาก 1.ก่อนอื่นหัดเกร็งตาโดยไม่ต้องกระพริบให้นานๆ เพราะยามวาดอายไลเนอร์คุณจะต้องเบิ่งตาค้างไว้หลายวินาที 2.อายไลเนอร์ชนิดน้ำจะให้เส้นที่คมชัด เฉียบคม เหมือนสาวไฮโซยุค50แต่ถ้ารู้ตัวว่าฝีมือจัดจัดจ้านระดับเด็กอนุบาลเรียนวาดเขียนก็ควรรู้จักประมาณตน หันมาใช้อายไลเนอร์ที่เป็นดินสอเขียนขอบตาดีกว่า ทั้งนี้ต้องระวังว่า กรณีเป็นสาวขอบตามัน สีตาอาจเลอะลงมาระหว่างวันได้ 3.นั่งหน้ากระจก ตั้งศอกไว้บนโต๊ะแล้วบรรจงกรีดอายไลเนอร์ให้พู่กันอยู่ชิดขนตาให้มากที่สุด จำไว้ว่าอย่าลังเล ควรวาดอายไลเนอร์ให้เส็รจภายในคราวเดียวไม่ควรวาดซ้ำไปซ้ำมา เพราะเส้นที่ได้จะเป็นลูกคลื่น 4.ถ้าพลาดแล้วไม่พลาดเลย แก้ปัญหาง่ายๆ ด้วยด้วยการใช้แปรงแต่งหน้าขนาดเล็กระบายอายแชโดว์สีดำเข้มขึ้นซึ่งผสมน้ำเล็กน้อยลงบนอายไลเนอร์ที่แห้งแล้ว วิธีนี้ช่วยปกปิดคลื่นหมึกที่ไม่เรียบให้ดูเนียนเป็นเนื้อเดียว 5.ส่วนใครพิสมัยดินสอเขียนขอบตา หรือใช้แปรงหัวต้ดแข็งๆ ที่ใช้สำหรับวาดขอบตาโดยเฉพาะแทนที่การใช้อายไลเนอร์ชนิดน้ำ ขอแนะนำเทคนิคงายๆด้วยการใช้แปรง"จุด"ให้ชิดขอบตาทีละน้อย ไล่ไปเรื่อยๆจนถึงหางตาตามที่ต้องการ วิธีนี้แม้เส้นเส้นจะไม่เฉียบคมเท่าแต่ว่าสีที่ได้จะแทรกซึมเข้าไปบริเวณขนตาดูคมสมจริง ไม่ดูเหนือจริงอย่างชนิดน้ำ
แอพริคอต ( Apricot )
แอพริคอต ( Apricot ) ลักษณะทั่วไปมีสีเหลือง อุดมไปด้วยกรดมาลิก ซึ่งมีสรรพคุณในการทำความสะอาดลำไส้เล็กแอพริคอตสด อุดมไปด้วย สารเบต้าแคโรทีน ซึ่งเป็นหนึ่งในสารต้านอนุมูลอิสระ ที่มีคุณสมบัติในการต้านความเสื่อมโทรมและความร่วงโรยของเซลล์และเนื้เยื่อที่ดีเยี่ยมมีการพบว่ายิ่งผลแอพริคอตมีสีเข้มมากเท่าไหร่ จะมีปริมาณของเบต้าแคโรทีนสะสมอยู่เป็นจำนวนมากเท่านั้น เมื่อต้องนำมาสกัดให้ล้างให้สะอาด ผ่าครึ่ง คว้านเอาเมล็ดแข็งออกนำไปสกัดได้ทันที
7.9.51
มาสคารา ทรู
. หลังจากเปิดใช้แล้ว มาสคาราจะมีอายุการใช้งานค่อนข้างสั้น ดังนั้นลองสังเกตดูว่า หากเวลาดึงปลายมาสคาราออกมาแล้วไม่มีเสียง"ป๊อป"แสดงว่ามาสคาราเริ่มเสื่อมแล้ว
. ถ้าไม่จำเป็นไม่ควรจะดึงด้ามมาสคาราเข้าๆออกๆหลายครั้ง เพราะจะทำให้อากาศเข้าไปข้างใน และพลอยทำให้มาสคาราแห้งไวก่อนเวลาอันควร
. ใช้มาสคาราแบบกันน้ำได้เสมอ ถ้าไม่อย่ากกลายร่างเป็นสมาชิกดัมส์แฟมิลี่ในระหว่างวันเพราะพิษมาสคาราเยิ้ม
. ลักษณะหัวแปรงปัดสามารถบ่งบอกคุณลักษณะของการใช้งานได้หัวแปรงเป็นรูปโค้งช่วยให้ปัดขนตาได้งอนขึ้น หัวแปรงอ้วน ขนหนาช่วยให้ขนตาดูหนา เพราะสามารถเครือบขนตาได้ละเอียด หัวแปรงเล็ก ไม่ค่อยมีขนเหมาะสำหรับสาวที่ต้องการเน้นมาสคาราตั้งแต่รากจรดปลายอย่างแท้จริง
-----------------------------------------------------------------------------------
tip*ถ้ารู้ตัวว่าเป็นสาวขนตาทื่อ ทิ่มลง ไม่โค้งออ่นช้อย ต่อให้ทำโฆษณาการันตีว่ามาสคารานั้นๆ ช่วยผลักขนตาให้งอนเช้ง อย่างไรก็อย่าเชื่อหมดใจ พึงคว้าที่ดัดขนตามาเป็นเครื่องอำนวยความสะดวกก่อนปัดมาสคาราเสมอ ไม่เช่นนั้นปัดอย่างไรก็ไม่งอน
------------------------------------------------------------------------------------
. ถ้าไม่จำเป็นไม่ควรจะดึงด้ามมาสคาราเข้าๆออกๆหลายครั้ง เพราะจะทำให้อากาศเข้าไปข้างใน และพลอยทำให้มาสคาราแห้งไวก่อนเวลาอันควร
. ใช้มาสคาราแบบกันน้ำได้เสมอ ถ้าไม่อย่ากกลายร่างเป็นสมาชิกดัมส์แฟมิลี่ในระหว่างวันเพราะพิษมาสคาราเยิ้ม
. ลักษณะหัวแปรงปัดสามารถบ่งบอกคุณลักษณะของการใช้งานได้หัวแปรงเป็นรูปโค้งช่วยให้ปัดขนตาได้งอนขึ้น หัวแปรงอ้วน ขนหนาช่วยให้ขนตาดูหนา เพราะสามารถเครือบขนตาได้ละเอียด หัวแปรงเล็ก ไม่ค่อยมีขนเหมาะสำหรับสาวที่ต้องการเน้นมาสคาราตั้งแต่รากจรดปลายอย่างแท้จริง
-----------------------------------------------------------------------------------
tip*ถ้ารู้ตัวว่าเป็นสาวขนตาทื่อ ทิ่มลง ไม่โค้งออ่นช้อย ต่อให้ทำโฆษณาการันตีว่ามาสคารานั้นๆ ช่วยผลักขนตาให้งอนเช้ง อย่างไรก็อย่าเชื่อหมดใจ พึงคว้าที่ดัดขนตามาเป็นเครื่องอำนวยความสะดวกก่อนปัดมาสคาราเสมอ ไม่เช่นนั้นปัดอย่างไรก็ไม่งอน
------------------------------------------------------------------------------------
6.9.51
สูตรล้างพิษ บำรุงผิว
ล้างพิษ บำรุงผิว
ส่วนผสม
แอปเปิ้ลแดง 1 ถ้วย
ขึ้นฉ่าย 1 ถ้วย
กีวี 1 ถ้วย
มะนาวฝรั่ง 1 ถ้วย
อะโวคาโด 1 ถ้วย
น้ำแร่ 1 ถ้วย
แข็งป่น 1 ถ้วย
รายละเอียด ล้างแอปเปิ้ลแดงให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นๆ ไม่ต้องคว้านเอาไส้ทิ้ง หั่นขึ้นฉ่ายเป็นท่อนๆ ปอกเปลือกกีวีออก ฝานเป็นแว่นๆ นำส่วนผสมทั้งหมดไปสกัดรวมกันด้วยเครื่องสกัดน้ำผลไม้ คั้นมะนาวฝรั่งเอาแต่น้ำ คว้านอะโวคาโดเอาแต่เนื้อ ปั่นเนื้ออะโวคาโดพร้อมกับน้ำมะนาวฝรั่งและน้ำผักสกัดที่เตรียมไว้เข้าด้วยกัน ปั่นประมาณ 10 วินาที หากส่วนที่ผสมข้นเกินไปให้เติมน้ำแร่ลงไปเล้กน้อยเติมน้ำแข็งป่นลงไป ปั่นต่ออีก 10 วินาที เสริ์ฟได้ทันที
ส่วนผสม
แอปเปิ้ลแดง 1 ถ้วย
ขึ้นฉ่าย 1 ถ้วย
กีวี 1 ถ้วย
มะนาวฝรั่ง 1 ถ้วย
อะโวคาโด 1 ถ้วย
น้ำแร่ 1 ถ้วย
แข็งป่น 1 ถ้วย
รายละเอียด ล้างแอปเปิ้ลแดงให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นๆ ไม่ต้องคว้านเอาไส้ทิ้ง หั่นขึ้นฉ่ายเป็นท่อนๆ ปอกเปลือกกีวีออก ฝานเป็นแว่นๆ นำส่วนผสมทั้งหมดไปสกัดรวมกันด้วยเครื่องสกัดน้ำผลไม้ คั้นมะนาวฝรั่งเอาแต่น้ำ คว้านอะโวคาโดเอาแต่เนื้อ ปั่นเนื้ออะโวคาโดพร้อมกับน้ำมะนาวฝรั่งและน้ำผักสกัดที่เตรียมไว้เข้าด้วยกัน ปั่นประมาณ 10 วินาที หากส่วนที่ผสมข้นเกินไปให้เติมน้ำแร่ลงไปเล้กน้อยเติมน้ำแข็งป่นลงไป ปั่นต่ออีก 10 วินาที เสริ์ฟได้ทันที
4.9.51
ปัดอย่างโปร
ปัดอย่างโปรเซียนเคื่รองสำอางนานาแบรนด์เนรมิตคุณสมบัติของ
มาสคารามาอย่างหลากหลายแต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเทคนิคการปัดด้วยที่จะทำให้ขนตาแปรเปลี่ยนไปตามต้องการอย่างไร
- ขนตาหนา ยิ่งปัดหลายชั้นเท่าไรก็ยิ่งได้ขนตาหนามากขึ้นเท่านั้น วางมาสคาราให้ชิดโคนขนตายกขึ้นแล้วปัดออกด้านนอก แล้วใช้หวีสำหรับแปรงขนตาแปรงส่วนเกินของมาสคาราที่จับตัวเป็นก้อนออกไป ปัดชั้นต่อมาซ้ำอีกครั้ง จำไว้ว่า ต้องปัดขณะที่ชั้นแรกยังคงเปียกอยู่จึงจะดี
- ขนตายาว ปัดมาสคาราสองชั้นแล้วแปรงมาสคาราส่วนเกินออกไป ขณะที่ขนตายังเปียกอยู่ปัดมาสคาราเพิ่มบริเวณช่วงหางตา ของขนตาบนอีกสองชั้น เพิ่มให้ขนตาดูยาวเป็นพิเศษ
- ขนตามีน้ำหนัก แกว่งมาสคาราไปมาบริเวณโคนขนตาเล็กน้อย แล้วค่อยปัดออกมาเพื่อช่วยเพิ่มสีให้บริเวณโคนขนตาให้เข้มขึ้น
- ขนตาเป็นธรรมชาติ ถ้าสีผมและสีหน้าเป็นโทนออ่น ปัดมาสคาราสีน้ำตาล จะให้ความรู้สึกที่นุ่มนวลกว่าก่อนปัดเช็ดแปรงด้วยทิชชู แล้วปัดมาสคาราตั้งแต่โคนจรดปลายเพียงชั้นเดียว ขณะที่ขนตายังเปียกให้เช็ดมาสคาราส่วนเกินบริเวณปลายขนตาออกด้วยทิชชูหรือใช้ปลายนิ้วบีบออกเบาๆ
- ขนตาเซ็กซี่ เริ่มต้นด้วยการปัดขนตาอย่างเต็มสตีมตั้งแต่โคนจรดปลายหนึ่งชั้น แล้วใช้ปลายมาสคาราปัดปลายขนตาไปมาทั้งบนและล่าง วิธีนี้จะทำให้ขนตาหนา ทว่าดูยุ่งเหยิง ชวนมอง
3.9.51
tips
*tips - ควรเลือกใช้ลิปสติกสีแดง
เนื้อแมตช์ เพราะจะได้ไม่ดูมันวาวมาก
เกินไป - เติมลิปกลอสบริเวณกึ่งกลางริม
ฝีปากล่างเพียงเล็กน้อย จากนั้นเม้มปากเบาๆ
เพื่อเพิ่มประกายวับวาวให้เรียวปากดูชุ่มชื้นแต่พองาม
*tips - ในเมื่อริมฝีปากเป็นสีแดงฉ่ำแล้ว
*tips - ในเมื่อริมฝีปากเป็นสีแดงฉ่ำแล้ว
ก็ควรแต่งหน้าในบริเวณอื่นๆ ด้วยโทนสีบางเบา
เป็นธรรมชาติ เพื่อขับเน้นให้เรียวปากดูโดดเด่นเป็น
นางเอก - ริมฝีปากสีแดงสดเข้ากันได้ดีกับขอบตาดำขลับ อาจเลือกกรีดอายไลเนอร์
สีดำเป็นเส้นบางๆ แต่คมกริบ หรือปัดมาสคาร่าให้ขนตาเป็นแพดก
2.9.51
มนตร์วิเศษเสกปากสวยสะกดใจ
มนตร์วิเศษเสกปากสวยสะกดใจ
1.ขัดปากขจัดเซล์เปื่อย ริมฝีปากเป้นบริเวณที่มีความอ่อนบางกว่าบริเวณอื่นๆบนผิวหน้า ดังนั้นการจะใช้สครับสำหรับใบหน้าคงไม่เหมาะนักเพราะอาจเกิดการระคาบเคือง ลองเปลี่ยนมาทาปิโตรเลียมเจลบางๆให้ทั่วริมฝีปาก หรือหลังอาบน้ำใช้น้ำอุ่นชโลมให้ทั่วริมฝีปากสักพัก จากนั้นใช้ผ้าขนรหนูขัดริมฝีปากเบาๆ อย่าลืมปิดท้ายด้วยการทาลิปบาล์มหลังอาบน้ำทุกครั้ง
2.เติมความชุ่มชื่นคืนเรียวปาก เลือกลิปบาล์มบำรุงที่มีส่วนผสมของวิตามินอีเพิ่มความชุ่มชื่นให้ริมฝีปาก หรือ เลือกที่มีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิก(Salicylic Acid) ช่วยขจัดเซลล์เก่าให้หลุดออกอย่างอ่อนโยน หรือมีเรตินอล ลดเลือนรอยเหี่ยวย่นของริมฝีปากพยายามหลีกเลี่ยงการใช้ลิปบาล์มที่มีรสผลไม้หอมหวนชวนรับประทานทั้งหลาย เพราะบ่อยครั้งกลิ่นยั่วน้ำลายนี้จะทำให้คุณแอบเลียริมฝีปากโดยไม่รู้ตัว น้ำลายมีสภาพเป็นกรด ทำให้ปากแห้งไปโดยปริยาย
3.เลือกสีปากอย่างมืออาชีพ ปล่อยวางเทคนิคดึกดำบรรพ์ ที่เที่ยวแต้มสีลิปสติกลงบนหลังมือแล้วนำไปเทียบกับแสงไฟนีออนหน้าเคาน์เตอร์เครื่องสำอางเพราะอันที่จริงริมฝีปากแต่ละคนประกอบไปด้วยเม้ดสีที่แตกต่างกัน การลองลิปสติกควรลองกับริมฝีปากจึงจะได้สีที่ใกล้เคียงความจริงที่สุด แต่อาจเสี่ยงต่อปัญหาด้านสุขอนามัย ควรเปลี่ยนมาแต้มตัวอย่างสีลงบนปลายนิ้ว สีที่ได้จะใกล้เคียงกับสีปากมากกว่า แถมยังสามารถยกขึ้นมาเทียบใกล้ๆ กับริมฝีปากได้ง่ายกว่าด้วย
4.รู้จักดินสอเขียนขอบปาก นอกจากจะเป็นแท่งไม้กายสิทธิ์เนรมิตรูปปากใหม่ได้ดังใจแล้ว ดินสอเขียนขอบปากยังสามารถเป็นปราการที่คอยกั้นไม่ให้ลิปสติกซึมเลอะออกมานอกปาก ไม่จำเป็นต้องเลือกดินสอเขียนขอบปากสีเดียวกับลิปสติกเสมอไป ควรเลือกที่มีสีใกล้เคียงกับสีผิวบริเวณริมฝีปากให้มากที่สุด จะดีกว่า เผื่อยามลิปสติกเริ่มลบเลือนจะได้ไม่ต้องเหลือรอบเส้นดินสอเขียนขอบปากลอยเด่นอยู่ ดูน่ากลัวพิลึก ส่วนวิธีการใช้นั้น ก่อนอื่นควรลงรองพื้นบริเวณริมฝีปากก่อน แล้วค่อยวาดเส้นขอบปาก จากนั้นใช้พู้กันแต้มลิปสติกที่ต้องการ ระบายสีไปในกรอบที่บรรจงวาดไว้ การใช้พู่กันจะช่วยคุมน้ำหนักในการระบายสีได้ดีกว่า
5.หยุดรอยเยิ้มรอบปาก เลือกลิปสติกชนิด Long-lasting กันเหนียวไว้จะดีเอง หรือก่อนทาลิปสติกใช้รองพื้นทาบางๆให้ทั่วริมฝีปากหนึ่งชั้น แล้วจึงทาลิปสติกที่ต้องการ จากนั้นเม้มปากลงบนทิชชู แล้วทาแป้งฝุ่นทับอีกชั้น ปิดท้ายด้วยการทาลิปสติกซ้ำอีกหน ส่วนถ้ามีปัญหาลิปสติกเยิ้มติดตามซอกฟันอาจถูกเข้าใจผิกว่าป่วยเป็นโรคเลือดออกตามไรฟันได้ หลังทาลิปสติกเสร็จลองใช้นิ้ววางไว้ระหว่างริมฝีปากบน-ล่างแล้วเม้มปากไปตามรูปนิ้วเบาๆ ลิปสติกที่ค้างอยู่ตามริมฝีปากด้านในจะติดมากับนิ้วแทนที่จะสยายตัวอยู่ตามร่องฟันอย่างที่หวาดกลัว
อุส่าห์ดูแลปากจนสวยได้ที่แล้วอย่าลืมดูแลคำพูดที่หลุดออกมาให้สวยอีกสักอย่าง จะได้มีแต่คนมารุมรัก
1.ขัดปากขจัดเซล์เปื่อย ริมฝีปากเป้นบริเวณที่มีความอ่อนบางกว่าบริเวณอื่นๆบนผิวหน้า ดังนั้นการจะใช้สครับสำหรับใบหน้าคงไม่เหมาะนักเพราะอาจเกิดการระคาบเคือง ลองเปลี่ยนมาทาปิโตรเลียมเจลบางๆให้ทั่วริมฝีปาก หรือหลังอาบน้ำใช้น้ำอุ่นชโลมให้ทั่วริมฝีปากสักพัก จากนั้นใช้ผ้าขนรหนูขัดริมฝีปากเบาๆ อย่าลืมปิดท้ายด้วยการทาลิปบาล์มหลังอาบน้ำทุกครั้ง
2.เติมความชุ่มชื่นคืนเรียวปาก เลือกลิปบาล์มบำรุงที่มีส่วนผสมของวิตามินอีเพิ่มความชุ่มชื่นให้ริมฝีปาก หรือ เลือกที่มีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิก(Salicylic Acid) ช่วยขจัดเซลล์เก่าให้หลุดออกอย่างอ่อนโยน หรือมีเรตินอล ลดเลือนรอยเหี่ยวย่นของริมฝีปากพยายามหลีกเลี่ยงการใช้ลิปบาล์มที่มีรสผลไม้หอมหวนชวนรับประทานทั้งหลาย เพราะบ่อยครั้งกลิ่นยั่วน้ำลายนี้จะทำให้คุณแอบเลียริมฝีปากโดยไม่รู้ตัว น้ำลายมีสภาพเป็นกรด ทำให้ปากแห้งไปโดยปริยาย
3.เลือกสีปากอย่างมืออาชีพ ปล่อยวางเทคนิคดึกดำบรรพ์ ที่เที่ยวแต้มสีลิปสติกลงบนหลังมือแล้วนำไปเทียบกับแสงไฟนีออนหน้าเคาน์เตอร์เครื่องสำอางเพราะอันที่จริงริมฝีปากแต่ละคนประกอบไปด้วยเม้ดสีที่แตกต่างกัน การลองลิปสติกควรลองกับริมฝีปากจึงจะได้สีที่ใกล้เคียงความจริงที่สุด แต่อาจเสี่ยงต่อปัญหาด้านสุขอนามัย ควรเปลี่ยนมาแต้มตัวอย่างสีลงบนปลายนิ้ว สีที่ได้จะใกล้เคียงกับสีปากมากกว่า แถมยังสามารถยกขึ้นมาเทียบใกล้ๆ กับริมฝีปากได้ง่ายกว่าด้วย
4.รู้จักดินสอเขียนขอบปาก นอกจากจะเป็นแท่งไม้กายสิทธิ์เนรมิตรูปปากใหม่ได้ดังใจแล้ว ดินสอเขียนขอบปากยังสามารถเป็นปราการที่คอยกั้นไม่ให้ลิปสติกซึมเลอะออกมานอกปาก ไม่จำเป็นต้องเลือกดินสอเขียนขอบปากสีเดียวกับลิปสติกเสมอไป ควรเลือกที่มีสีใกล้เคียงกับสีผิวบริเวณริมฝีปากให้มากที่สุด จะดีกว่า เผื่อยามลิปสติกเริ่มลบเลือนจะได้ไม่ต้องเหลือรอบเส้นดินสอเขียนขอบปากลอยเด่นอยู่ ดูน่ากลัวพิลึก ส่วนวิธีการใช้นั้น ก่อนอื่นควรลงรองพื้นบริเวณริมฝีปากก่อน แล้วค่อยวาดเส้นขอบปาก จากนั้นใช้พู้กันแต้มลิปสติกที่ต้องการ ระบายสีไปในกรอบที่บรรจงวาดไว้ การใช้พู่กันจะช่วยคุมน้ำหนักในการระบายสีได้ดีกว่า
5.หยุดรอยเยิ้มรอบปาก เลือกลิปสติกชนิด Long-lasting กันเหนียวไว้จะดีเอง หรือก่อนทาลิปสติกใช้รองพื้นทาบางๆให้ทั่วริมฝีปากหนึ่งชั้น แล้วจึงทาลิปสติกที่ต้องการ จากนั้นเม้มปากลงบนทิชชู แล้วทาแป้งฝุ่นทับอีกชั้น ปิดท้ายด้วยการทาลิปสติกซ้ำอีกหน ส่วนถ้ามีปัญหาลิปสติกเยิ้มติดตามซอกฟันอาจถูกเข้าใจผิกว่าป่วยเป็นโรคเลือดออกตามไรฟันได้ หลังทาลิปสติกเสร็จลองใช้นิ้ววางไว้ระหว่างริมฝีปากบน-ล่างแล้วเม้มปากไปตามรูปนิ้วเบาๆ ลิปสติกที่ค้างอยู่ตามริมฝีปากด้านในจะติดมากับนิ้วแทนที่จะสยายตัวอยู่ตามร่องฟันอย่างที่หวาดกลัว
อุส่าห์ดูแลปากจนสวยได้ที่แล้วอย่าลืมดูแลคำพูดที่หลุดออกมาให้สวยอีกสักอย่าง จะได้มีแต่คนมารุมรัก
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)